ต้นจำปาขาว
ต้นจำปาขาว อยู่ในท้องที่อำเภอนครไทยบริเวณวัดกลางนครไทย เป็นต้นไม้ดอกประเภทไม้ยืนต้น มีขนาดใหญ่ ขนาดลำต้นวัดโดยรอบประมาณ 3 เมตรเศษ สูงประมาณ 9-10 เมตร ความแปลกที่แตกต่างจากต้นจำปาอื่นๆ คือ ต้นจำปาทั่วไป จะมีดอกเป็นสีเหลือง แต่ต้นจำปาต้นนี้ออกดอกเป็นสีขาวนวล มีกลิ่นหอมฟุ้งทั่วบริเวณวัด และถ้านำกล้าจำปาขาวไปปลูกที่อื่น ก็จะมีดอกเป็นสีเหลืองเหมือนดอกจำปาทั่วไป ดังนั้น จึงนิยมนำดอกจำปาขาวแช่ในน้ำบรรจุขวด เพื่อเป็นของที่ระลึก
ประวัติความเป็นมา ของต้นจำปาขาว ชาวอำเภอนครไทยเชื่อกันว่า พ่อขุนบางกลางท่าวทรงปลูกไว้ เมื่อครั้งครองเมืองบางยาง(นครไทย) ต้นจำปาขาวจึงมีอายุประมาณ 700 ปีเศษ
นอกจากนี้ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงบันทึกเรื่องราวของต้นจำปาขาวว่า “พ่อขุนบางกลางท่าวเจ้าเมืองบางยาง ทรงปลูกไว้เป็นอนุสรณ์คู่บ้านคู่เมือง ของเมืองบางยาง ซึ่งได้ปลูกไว้ที่วัด ๆ หนึ่งทางทิศตะวันตกของพระอุโบสถ” วัดดังกล่าวนี้ ปัจจุบันก็คือ วัดกลางศรีพุทธาราม ดังนั้น จึงประมาณได้ว่า ต้นจำปาขาวปลูกก่อน ปี พ.ศ.1806
หม่อมเจ้าหญิงพูนพิสมัย ดิศกุล พระธิดาของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้เสด็จมาอำเภอนครไทย เมื่อเดือนมิถุนายน 2497 ได้ตรัสถามว่า "ต้นจำปาขาวที่อยู่ทางทิศตะวันตกของพระอุโบสถวัดกลางห่าง 7 วา นั้นยังอยู่ไหม" และได้เสด็จทอดพระเนตรต้นจำปาขาว
ต้นจำปาขาว ได้รับการดูแลรักษาเนื่องจากลำต้นบางส่วนเป็นโพรงผุกร่อน ตั้งแต่ ปี พ.ศ.2528 เป็นต้นมา ปัจจุบันใต้ต้นจำปาขาวมีพระรูปของพ่อขุนบางกลางท่าว ซึ่งชาวนครไทยจัดพิธีบวงสรวงดวงวิญญาณในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 เป็นประจำทุกปี
ต้นจำปาขาว ยืนต้นคู่กับพ่อขุนบางกลางท่าว ณ วัดกลางนครไทย |
ถ้ำกา
เป็นถ้ำขนาดเล็กมีความกว้างประมาณ 2–5 เมตร ยาวประมาณ 10 เมตรเศษอยู่ห่างจากตัวอำเภอนครไทยไปทางทิศเหนือประมาณ 10 กิโลเมตร หน้าถ้ำมีต้นไม้ขึ้นปกคลุมค่อนข้างหนาแน่น พื้นถ้ำชื้นเพราะมีใบไม้ปกคลุมอยู่ ที่หลืบผนังถ้ำสูงกว่าระดับพื้นดินประมาณ 2 เมตร มีภาพสลักหินตามแนวลึกของผนังถ้ำยาวประมาณ 6 เมตร สลักเป็นภาพลายขูดขีด หรือเส้นรูปกากบาดพาดกันไปมา สลักลึกประมาณ 1 เซนติเมตร มีลักษณะคล้ายกับที่ภูพาน อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี สันนิษฐานว่า เป็นภาพแกะสลักหินของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ยุคโลหะ
ความสำคัญของภาพสลักหินที่ถ้ำกา บนเขาช้างล้วง
1.เป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงว่า พื้นที่ยอดเขาช้างล้วงเคยเป็นชุมชนโบราณที่มีอายุมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ยุคโลหะ
2.แสดงถึงว่าบริเวณเมืองนครไทยน่าจะเป็นที่อยู่อาศัยของคนโบราณหรือเป็นเส้นทางเคลื่อนย้ายของคนโบราณสมัยก่อนประวัติศาสตร์ จากเขตตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย เช่น จังหวัดเลย หรือบริเวณแม่น้ำโขง
3.เป็นหลักฐานทางโบราณคดีสำคัญที่น่าสนใจ พอที่จะจัดเป็นแหล่งนำทัศนศึกษา เพราะระหว่างทางจะมีธรรมชาติป่าไม้นานาชนิด นก ดอกไม้ป่า ลานก้อนหินปุ่มที่สวยงามและมียอดเขาช้างล้วงที่ทำพิธีปักธงชัย
วัดเหนือหรือวัดหน้าพระธาตุ
รอยขูดขีดในถ้ำกา |
การสืบค้นบรรพบุรุษของคนยุคก่อนบนถ้ำกา |
ร่องรอยการกากบาทในผนังถ้ำ น่าจะเป็นที่มาของชื่อถ้ำกา |
1.เป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงว่า พื้นที่ยอดเขาช้างล้วงเคยเป็นชุมชนโบราณที่มีอายุมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ยุคโลหะ
2.แสดงถึงว่าบริเวณเมืองนครไทยน่าจะเป็นที่อยู่อาศัยของคนโบราณหรือเป็นเส้นทางเคลื่อนย้ายของคนโบราณสมัยก่อนประวัติศาสตร์ จากเขตตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย เช่น จังหวัดเลย หรือบริเวณแม่น้ำโขง
3.เป็นหลักฐานทางโบราณคดีสำคัญที่น่าสนใจ พอที่จะจัดเป็นแหล่งนำทัศนศึกษา เพราะระหว่างทางจะมีธรรมชาติป่าไม้นานาชนิด นก ดอกไม้ป่า ลานก้อนหินปุ่มที่สวยงามและมียอดเขาช้างล้วงที่ทำพิธีปักธงชัย
ยอดเขาช้างล้วงสูงเสียดฟ้าท้าทายผู้กล้า สถานที่ปักธงชัยของพ่อขุนบางกลางท่าว เมื่อ 700 กว่าปีก่อน เป็นภาพที่คุ้นเคยมากของนักท่องเว็บ |
วัดเหนือหรือวัดหน้าพระธาตุ เป็นวัดที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ ภายในตัวเมืองอำเภอนครไทย สำรวจพบโบราณสถานที่สำคัญ คือ ใบเสมาศิลาทรายแกะสลัก 2 ด้าน ด้านหนึ่งแกะสลัก เป็นรูปพระสถูปศิลปะแบบทวารวดีตอนปลาย อายุราวพุทธศตวรรษที่ 17–18 ส่วนอีกด้านหนึ่งแกะสลักเป็นพระพุทธรูปขัดสมาธิเพชร อิทธิพลสมัยล้านนาไทย ผสมกับศิลปะสมัยสุโขทัย สันนิษฐานว่าน่าจะแกะสลักขึ้นภายหลังด้านแรกและคงมีอายุไม่ต่ำกว่าพุทธศตวรรษที่ 19 พระพุทธรูปองค์นี้ชาวนครไทยเรียกว่า “หลวงพ่อเพชร” ซึ่งเป็น พระพุทธรูปที่ชาวนครไทยเคารพนับถือว่าศักดิ์สิทธิ์มาก
ภายในบริเวณวัด แต่เดิมชาวบ้านเล่าว่า มีพระธาตุตั้งอยู่หน้าวัด ต่อมาปรักหักพังจึงสร้างเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ ศิลปะสมัยสุโขทัยองค์หนึ่ง ปัจจุบันได้พังทลายลงและภายในเจดีย์บรรจุพระเครื่องทำด้วยเงินและทองคำหลายองค์ ซึ่งบรรจุรวมอยู่กับเครื่องใช้ที่ทำด้วยเงินและทองเหลืองเป็นจำนวนมาก สิ่งของดังกล่าว เป็นฝีมือของช่างสมัยโบราณที่ประณีต และงดงามมาก แต่ปัจจุบันของส่วนใหญ่ได้สูญหายไปยังคงเหลือเพียงเล็กน้อย ซึ่งทางวัดได้เก็บรักษาไว้ และสถานที่ตั้งพระธาตุได้สร้างเป็นเจดีย์ทรงพื้นบ้านแทน ส่วนพระอุโบสถเดิมศิลปสุโขทัย ปัจจุบันมีการสร้างอุโบสถใหม่ขึ้นบนฐานอุโบสถเดิม
ซุ้มประตูหน้าวัดเหนือ (วัดหน้าพระธาตุ) |
ซุ้มประตูภายในวัด |
ป้ายบอกว่า วัดนี้เป็นโบราณสถาน (จริงๆ) |
หลวงพ่อเพชร |
พระพุทธรูปางลีลา ใกล้กับหลวงพ่อเพชร |
ซุ้มประตูวัดนครไทยวรารามหรือหัวร้อง |
เป็นวัดเก่าแก่สมัยสุขโทัย ตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองด้านทิศตะวันตก เดิมมีศาลาการเปรียญมุงด้วยกระเบื้องไม้แบบโบราณ ซึ่งสวยงามและอ่อนช้อยมาก แต่ปัจจุบันได้ถูกรื้อลงและสร้างอุโบสถใหม่ขึ้นแทนสถาปัตยกรรมพื้นเมืองที่นับว่าเป็นอาคารทางพุทธศาสนา หลังสุดท้ายที่เหลืออยู่ในวัดนี้ได้แก่ พระวิหารเก่าใช้มุงด้วยกระเบื้องไม้ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่สร้างด้วยไม้ทั้งองค์ รวมทั้งสาวกซ้ายขวาอีก 2 องค์ ก็สร้างด้วยไม้เช่นกัน นับว่าเป็นศิลปกรรมพื้นบ้านที่เก่าแก่และสวยงามยิ่ง เดิมปลวกกินผุพัง เจ้าอาวาสวัดได้ทำการอนุรักษ์จนอยู่ในสภาพดีและเหมือนเดิม นอกจากนั้นภายในบริเวณวัดยังพบร่องรอยการสร้างโบราณสถาน เช่น โบสถ์หรือวิหารมีลักษณะแผนผังแบบเดียวกับศิลปะสมัยสุโขทัย ปัจจุบันเหลือแต่ฐานส่วนตัวอาคารปรักหักพังหมดแล้ว
วัดกลางนครไทย
มีบางท่านเรียกวัดกลางศรีพุทธาราม ไม่ทราบเท็จจริงอย่างไร
วิหารหลวงพ่อใหญ่ ข้างในประดิษฐานพระแกะสลัก จากไม้ เก่าแก่อายุหลายร้อยปี |
เรือโบราณ ชื่อนางขุนโขน |
วัดกลางนครไทย
มีบางท่านเรียกวัดกลางศรีพุทธาราม ไม่ทราบเท็จจริงอย่างไร
เป็นวัดเก่าแก่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองนครไทยโบราณ ในวัดมีโบราณวัตถุสถานที่สำคัญ เช่น พระอุโบสถเก่า สันนิษฐานว่าสร้างโดยฝีมือช่างล้านนาไทยหรือช่างชาวพม่า รอบ ๆ พระอุโบสถมีพัทธสีมาทำด้วยศิลาทรายสีแดง ซึ่งเป็นของเก่าแก่ตั้งอยู่โดยรอบ ส่วนภายในอุโบสถใช้เป็นที่ ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญมีขนาดใหญ่ 3 องค์คือ พระพุทธรูปสำริดศิลปะสมัยสุโขทัย มีขนาดหน้าตักกว้าง 53 ซม.สูง 68 ซม.และพระพุทธรูปศิลานาคปรก ปางสมาธิศิลปะสมัยลพบุรี 2 องค์ องค์หนึ่งสร้างเสร็จแล้วแต่มีส่วนชำรุดมีขนาดหน้าตักกว้าง 65 ซม.สูง 177 ซม.(เฉพาะองค์พระพุทธรูปสูง 1 เมตร) ส่วนอีกองค์หนึ่งอยู่ในสภาพเป็นโกลน จัดเป็นศิลปะลพบุรีมีอายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 18–19 ซึ่งองค์พระพุทธรูปมีรูปร่างหน้าตาเป็นแบบศิลปะท้องถิ่นมากกว่าจะเป็นของที่เคลื่อนย้ายมาจากที่อื่น ปัจจุบันพระพุทธรูปสำริดศิลปะสมัยสุโขทัยและพระพุทธรูปนาคปรกศิลปะสมัยลพบุรี (องค์สมบูรณ์) ได้ถูกโจรกรรมสูญหายแล้ว
ต้นจำปาขาวอายุกว่า 700 ปี เชื่อว่าพ่อขุนบางกลางท่าว ทรงปลูกอธิษฐานเสี่ยงทายก่อนออกทำศึกกับขอม ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ต้นนี้จึงมีส่วนกับการประกาศเอกราชของชาติไทย...ว่ามั้ย |
บริเวณวัดกลาง มีต้นจำปาขาวเก่าแก่หลายร้อยปี ซึ่งเชื่อว่าเป็นต้นจำปาที่พ่อขุนบางกลางท่าวปลูกไว้ ทางวัดจึงได้บูรณะบริเวณใต้ต้นจำปาขาว เพื่อให้ชาวบ้านประกอบพิธีบวงสรวงได้สะดวก ตลอดจนเป็นที่สักการะแก่ผู้มาเยือนอำเภอนครไทย
ซุ้มประตูด้านหน้าวัดกลาง แต่คนมักจะเข้าใจว่าเป็นด้านหลังวัด |
พระอุโบสถเก่า สร้างด้วยช่างล้านนา/พม่า รายล้อมด้วยพัธสีมาศิลาแลง |
หลวงพ่อหิน แต่อัศจรรย์ลอยน้ำได้ |
อนุสาวรีย์พ่อขุนบางกลางท่าวสร้างโดยกรมศิลปากร เป็นภาพที่คุ้นเคยที่สุดของนักท่องเว็บ/นักท่องเที่ยว ไม่นานจากนี้ไป จะมีอนุสาวรีย์ของพ่อขุนฯ ขนาดใหญ่ อลังการ เป็น Landmark ของนครไทยก่อนเข้าตัวเมือง |
อนุสาวรีย์พ่อขุนบางกลางท่าวที่นักท่องเว็บ ไม่คุ้นเคย สร้างโดยช่างชาวนครไทยผู้ศรัทธา สร้างมาก่อนที่กรมศิลป์จะสร้างองค์ใหญ่ด้านหน้า มีขนาดเล็กเพียงประมาณ 1 ใน 3 ขององค์ใหญ่ |
ข้อมูล/ภาพบางส่วน : อ.สุภาพรรณ วงศ์สมบัติ
ครู คศ.3 โรงเรียนนครไทย
เรียบเรียง/ต่อเติ่ม/แต่งเติม : สุรัตน์ วิทักษาบุตร
supan2475@gmail.com